โควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข ขอผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด " โควิด-19 "

กระทรวงสาธารณสุข ขอให้ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ลงทะเบียนฉีดวัคซีน “โควิด-19” เพื่อรับการฉีดวันที่ 7 มิถุนายน ซ้ำฉีดวัคซีนเข็มแรกป้องกันการป่วยได้ 75% และลดการเสียชีวิต 79%

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวการลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19

วัคซีนโควิด -19

วิธีการลงทะเบียน วัคซีนโควิด-19

สำหรับการลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 ผ่านหมอพร้อม ในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ซึ่งมี 17 ล้านคน แบ่งเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 11.7 ล้านคน และกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง 4.3 ล้านคน การลงทะเบียนที่ผ่านมามีจำนวนน้อย 2.7 ล้านคน หรือประมาณ 10% ของจำนวนทั้งหมด อาจเพราะความกังวลในอาการไม่พึงประสงค์ของการฉีดวัคซีน และปัญหาการเข้าถึงระบบหมอพร้อมผ่านไลน์และแอปพลิเคชันหมอพร้อม ซึ่งผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรังอาจยังช้าอยู่

ทั้งนี้ การให้วัคซีนแก่สองกลุ่มนี้ก่อน เพื่อรักษาและคุ้มครองชีวิต ยืนยันว่าไม่ได้ละเลยคนกลุ่มอื่น ไม่ว่ากลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยง กลุ่มที่ทำงานด่านหน้า หรือกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดที่จำเป็นด้านเศรษฐกิจที่จัดลำดับไว้ โดยการเปิดลงทะเบียนหมอพร้อมในสองกลุ่มนี้ก่อน สัมพันธ์กับจำนวนวัคซีนลอตใหญ่ที่จะได้รับช่วงแรก มิถุนายน และ กรกฎาคม

วัคซีนโควิด-19

ฝากกระตุ้นคนไทยทั้งประเทศ

“อยากสื่อสารและกระตุ้นคนไทยทั้งประเทศว่า ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ขอให้คนไทยทุกคนช่วยผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ช่วยพา 2 กลุ่มนี้เข้าถึงระบบหมอพร้อมให้เร็วและมากที่สุด โดยลูกหลานอาจช่วยลงทะเบียนให้ผ่านหมอพร้อม หรือแจ้งอสม. รพ.ใกล้บ้าน รพ.สต. ขอให้ช่วยกันเพื่อรักษาคุ้มครองชีวิตคนสองกลุ่มนี้ ส่วนการฉีดกลุ่มอื่นก็เตรียมงานคู่ขนานไป และอาจจะฉีดได้เร็วตามการจัดหาวัคซีนที่ได้มา ทั้งนี้ การมีวัคซีนไม่สำคัญเท่าการได้ฉีด เราต้องช่วยคนในบ้าน พาไปรับลงทะเบียนเพื่อให้ได้รับการฉีดเร็วที่สุด” ดร.สาธิตกล่าว

ทางด้าน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยอาการหนัก ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง เราจึงให้วัคซีน 2 กลุ่มนี้ก่อน เพราะผลการศึกษาวิจัยวัคซีนทุกชนิดช่วยลดการป่วยรุนแรง และลดการเสียชีวิตได้ 

สำหรับวัคซีนแอสตราเซเนกา ที่เป็นวัคซีนหลักจะเริ่มฉีดวันที่ 7 มิ.ย.นี้ มีรายงาน ว่าสามารถป้องกันการป่วยได้ตั้งแต่ฉีดเข็มแรกร้อยละ 76 และลดการเสียชีวิตร้อยละ 80 ตั้งเป้าหมายเร่งรัดการฉีดเข็มที่ 1 ให้ครอบคลุมประชาชนมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงของวัคซีนพบน้อยมาก แต่ประชาชนได้รับข้อมูลด้านนี้มากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ และมีระบบดูแลความปลอดภัย สังเกตอาการ 30 นาที หากมีอาการแพ้รุนแรงสามารถดูแลได้ทันท่วงที ขณะนี้ในประเทศไทยยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน ย้ำว่าวัคซีนมีประโยชน์มาก ทั้งลดการนอนโรงพยาบาล ลดการเสียชีวิต รวมทั้ง ยังลดการแพร่กระจายโรคในครอบครัวได้ถึงร้อยละ 50 และเมื่อฉีดได้ครอบคลุมเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ จะทำให้กลับมาใช้ชีวิตแบบ New normal ขับเคลื่อนประเทศ เดินหน้าเศรษฐกิจต่อไปได้.